ดึงพลังดี -ไล่พลังร้าย

        ยุคสมัยที่ฮวงจุ้ยเข้ามามีบทบาทนั้น เป็นยุคที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟูพอดี ใครต่อใครพยายามเสาะแสวงหาสิ่งที่ดีให้ตัวเองและที่อยู่อาศัย อันเป็นธรรมดาของโลก แต่สิ่งหนึ่งที่มีบทบาทไม่น้อยไปกว่าการมองด้วยรูปธรรมหรือสิ่งที่เห็นด้วยตาเปล่า นั่นก็คือ ความมีคุณธรรมของผู้เป็นเจ้าของด้วย คนเรานั้นหากแม้ฮวงจุ้ยไม่ดีแต่เป็นคนดีมีคุณธรรม มีเมตตาต่อคนรอบข้าง พระก็ยังคุ้มครองเพราะมีความดีที่ทำไว้และทำอยู่สม่ำเสมออีกด้วย แม้ฮวงจุ้ยดีก็จริง แต่ความประพฤติส่วนตัวชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ออกเงินกู้รีดดอกเบี้ยแพงเกินกว่าเหตุ ไม่มีเมตตาต่อคนทั่วๆไป ถึงฮวงจุ้ยจะดีอย่างไรก็ไม่ช่วยส่งเสริมเขาเหล่านั้นให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเคยเห็นตัวอย่างมาหลายต่อหลายราย ทั้งที่ไม่น่าจะมีอะไรมาปิดกั้นโชคลาภเลย แต่ก็ทำให้เขาพลาดในการได้มาอยู่เสมอๆ

        การปลูกสร้างบ้านหรือตบแต่งไปแล้วนั้น จะแก้ไขยากกว่าการวางแผนไว้แต่แรก จึงต้องมีการนำสิ่งประดับตบแต่งอื่นๆเข้ามา เพื่อช่วยกระตุ้นให้ฮวงจุ้ยดีขึ้น นัยว่าเป็นการเรียกเงินทองโชคลาภให้เข้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการแขวนระฆังลม หรือรูปสัตว์นำโชคต่างๆ แม้กระทั่งการเสริมสิริมงคลด้วยการนำเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบูชา อันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจที่ไม่ใช่เรื่องของฮวงจุ้ย ก็นับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เสียหาย ซ้ำยังเป็นการเสริมด้านจิตใจได้เป็นอย่างดี แต่การจะห้อย จะแขวนอะไรก็ตาม นอกจากต้องคำนึงถึงเรื่อง " ชง " แล้ว ยังต้องคำนึงถึงจุดที่ควรจะติดจะแขวนด้วย เช่นแขวนระฆังลม ก็ควรทำความเข้าใจว่าระฆังลมต้องถูกลมจึงจะได้ยินเสียง การแกว่งที่ถูกลมพัด กับการแกว่งที่ทำให้เกิดเสียง จะช่วยขับไล่พลังร้ายออกไปแล้ว ยังดึงพลังที่ดีเข้ามาด้วย เช่น โชคลาภ เงินทอง ความสำเร็จ งานที่ควรจะได้รับ

        การที่จะนำสิ่งต่างๆมาแขวนหรือห้อยจนเกินความจำเป็น หรือทำให้เกิดความรกมากยิ่งขึ้นไปอีกนั้น เท่ากับนำพลังร้ายมาขับไล่พลังที่ดี แทนที่จะนำพลังดีมาไล่พลังร้ายอย่างที่ต้องการ เป็นดาบสองคมหากไม่รู้จักใช้ เช่นบางคนนำเอาใบพัดรูปกังหันมาติดไว้ตรงประตูบ้าน แทนที่จะขับไล่พลังร้าย กลับปิดบังพลังดีที่จะเข้ามา แถมดึงเอาพลังแห่งความสูญเสียเข้ามาหาตัวบ้าน เช่นอุบัติเหตุ ความพลัดพราก ความตาย และความสูญเสียอื่นๆเข้ามาหาโดยไม่รู้ตัว ร้ายพอๆกับการเปิดประตูรับทิศเสียทีเดียว สู้ไม่ทำอะไรเสียเลยจะดีกว่า

        บ้านบางบ้านนำต้นไม้เข้ามาปลูกเหมือนอยู่ในป่าก็ไม่ปาน เขาบอกว่าเขาเป็นคนที่ขาดธาตุไม้ เลยต้องเอาต้นไม้มาช่วยเสริมสิริมงคล หารู้ไม่ว่าการปลูกต้นไม้ในที่แคบๆมากจนเกินไป ต้นไม้จะแย่งอากาศบริสุทธิ์จากเราไปและคายกาศคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาให้เรา ทำให้เรากลายเป็นคนสุขภาพไม่แข็งแรง ป่วยง่าย ร่างกายอ่อนแอโดยไม่รู้ตัว การอ่านคำแนะนำใดจึงต้องทำในจุดที่พอเหมาะพอควรเท่านั้น จะเห็นว่าการกระทำนี้ต้องการไปนำพลังดีมาไล่พลังร้าย แต่กลับทำให้พลังร้ายมาไล่พลังดีไปเสียหมดจนเกิดโทษไปด้วย เมื่อร่างกายอ่อนแอ จะทำการงานใดก็สำเร็จยาก ความคิดความอ่านก็ด้อยไปหมด สมองหรือสติปัญญาก็ไม่แจ่มใส สุขภาพจิตก็พลอยไปหมด หากป่วยมากก็ต้องเสียเงินรักษา ผลเสียจึงมากกว่าผลดี